วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559

เทรนด์ใหม่กระแสฮิต 5 ท่าพิชิตสะโพกใหญ่ชวนเหลียวมอง

เทรนด์ใหม่กระแสฮิต 5 ท่าพิชิตสะโพกใหญ่ชวนเหลียวมอง



เทรนด์ใหม่กระแสฮิต 5 ท่าพิชิตสะโพกใหญ่ชวนเหลียวมอง

เทรนด์ใหม่กระแสฮิต 5 ท่าพิชิตสะโพกใหญ่ชวนเหลียวมอง

นิตยสาร แม่บ้าน
สนับสนุนเนื้อหา
สิ่งที่เรียกสายตาจากเหล่าหนุ่มๆ ให้เหลียวหลังกลับมามองได้ นอกจากจะเป็นรูปร่างที่ดี มีซิกแพค ฯลฯ แล้ว ในปัจจุบันเริ่มมีกระแสความนิยม ที่สาวๆ บางท่านอาจคิดกันไปต่างๆ นานาว่าการมีสะโพกที่ใหญ่นั้นจะทำให้บุคลิกของเราดูไม่ชวนมองหรือไม่ ดูแล้วเหมือนเป็นผู้หญิงที่ไม่รักสุขภาพจึงสะโพกใหญ่หรือไม่

กินอย่างไร..ไม่ให้อ้วน

กินข้าวเย็นกับผองเพื่อน อย่างไร....ไม่ให้อ้วน

กินข้าวเย็นกับผองเพื่อน อย่างไร....ไม่ให้อ้วน

นิตยสาร แม่บ้าน
สนับสนุนเนื้อหา
จากงานวิจัยพบว่า มนุษย์เรามีแนวโน้มที่จะรับประทานอาหารเย็นในปริมาณที่มากขึ้น ตามจำนวนของผู้ที่ร่วมรับประทานบนโต๊ะอาหาร ยิ่งคนมากขึ้นก็มีแนวโน้มที่จะรับประทานอาหารกันมากขึ้น และยิ่งถ้าผู้ร่วมโต๊ะมีความสนิทสนมกับมากเท่าไรย่อมทำให้บทสนทนาระหว่างมื้ออาหารยาวนานมากขึ้นเท่านั้น
มื้ออาหารที่ยาวนานจึงมักจะทำให้เราๆ ท่านๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนักรับประทานอาหารมากกว่าปกติโดยไม่รู้ตัว รับประทานกันไปคุยกันไปจนเพลิน ทำให้เกินพลังงานที่ควรจะได้รับ อาหารมื้อดึกที่ปกติควรจะระมัดระวังในช่วงของการควบคุมน้ำหนักจึงยาวนานและไม่จบลงง่ายๆ
สำหรับฉบับนี้ ผมมีเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก เพื่อใช้ลดพลังงานส่วนเกินที่ได้รับจากอาหารค่ำเวลาที่มีนัดรับประทานอาหารกับกลุ่มเพื่อน เราไปดูกันเลยครับว่ามีเทคนิคดีๆ อะไรที่สามารถนำไปปรับใช้ได้บ้าง
• รีบฉกชิงเมนูอาหารเอามาไว้ในมือ พร้อมกับสั่งอาหารเมนูที่ไขมันต่ำ น้ำตาลน้อย พลังงานน้อย มาไว้ตรงหน้าสัก 2-3 จาน เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าคืนนี้ถึงเราจะตักอาหารรับประทานมากเกินกว่าปกติ ก็ไม่ทำ ให้ร่างกายได้รับพลังงานเกินกำหนด
• พยายามทักท้วงเพื่อนร่วมโต๊ะทุกครั้งที่เพื่อนเลือกที่จะสั่งอาหารพลังงานสูง อย่างเช่น อาหารที่ผ่านการทอดน้ำมันท่วม อาหารที่ประกอบด้วยครีม หรือชีสจำนวนมาก พร้อมให้เหตุผล
• เคี้ยวอาหารให้ช้าลง แต่ละคำเคี้ยวประมาณ 30 ครั้ง ถ้าไม่สะดวกนับจำนวนครั้งในการเคี้ยว ให้เปลี่ยนเป็นการวางช้อนและส้อมทุกครั้งหลังจากตักอาหารเข้าปากจะช่วยให้รับประทานอาหารช้าลงแต่สามารถยืดระยะเวลาในการรับประทานอาหารให้นานขึ้น จำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า ยิ่งรับประทานด้วยอัตราเร็วมากเท่าไร ร่างกายก็จะได้รับอาหารมากขึ้นเท่านั้น
• ถ้านัดเพื่อนมาสังสรรค์ หรือรับประทานอาหารที่บ้าน หลังจากรับประทานเสร็จให้เก็บจานของเราเข้าครัว แล้วกลับมานั่งคุยกับเพื่อนได้ต่ออย่างสนุกสนาน ไม่มีจานก็หมายถึงไม่มีอาหารให้รับประทานต่อ
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ถ้าเลี่ยงที่จะดื่มไม่ได้ ขออนุญาตเพื่อนดื่มแค่เพียง 1 แก้ว เครื่องดื่มที่ดีที่สุดของอาหารมื้อค่ำคือน้ำเปล่า หรือน้ำเปล่าใส่โซดามะนาวจืดๆ แบบไม่ใส่น้ำเชื่อม
• ไม่ต้องเสียดาย และไม่ต้องกลัวที่จะเหลืออาหารที่รับประทานไม่หมดไว้บนจาน
• ถ้าไปรับประทานอาหารอิตาเลียนที่ร้านอาหาร ให้ท่องเอาไว้เสมอว่า อาหารตรงหน้ามีปริมาณที่เหมาะสำหรับ 2-3 คน ดังนั้นเราสามารถรับประทานเพียงครึ่งส่วน ที่เหลือสั่งให้ห่อกลับบ้านนำไปรับประทานต่อได้อีก
ถ้าคุณผู้อ่านทราบล่วงหน้าว่ามีแผนจะต้องออกไปรับประทานอาหารค่ำกับเพื่อนสนิท ในช่วงของการควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก การวางแผนการรับประทานอาหารจึงเป็นมาตรการป้องกันที่ดีที่สุด เน้นย้ำโดยเฉพาะคุณผู้อ่านที่เป็นสุภาพสตรียิ่งจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะธรรมชาติสร้างให้ผู้ชายมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งมีหน้าที่สร้างกล้ามเนื้อในร่างกายให้มีมัดกล้ามมากกว่าคุณผู้หญิง ดังนั้นอัตราการเผาผลาญพลังงานของคุณผู้ชายจึงทำได้เร็วกว่า
ดังนั้นถ้าต้องไปรับประทานอาหารมื้อดึกกับคุณผู้ชาย อย่ารับประทานเพลินในปริมาณเท่าๆ กับคุณผู้ชายนะครับ ท่องเอาไว้เลยว่าร่างกายของผู้ชาย สามารถรับประทานอาหารได้มากกว่าผู้หญิงโดยที่น้ำหนักอาจจะไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ ใครว่าธรรมชาติยุติธรรมสำหรับคุณ !!! เข้าใจผิดแล้วครับผม
นิตยสาร แม่บ้าน
เนื้อหาโดย : นิตยสาร แม่บ้าน

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

ประโยชน์ของมะนาว

ประโยชน์ของมะนาว
            มะนาวเป็นผลไม้พื้นๆที่ใช้บริโภคกันในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่ามะนาวลูกเล็กๆนั้น มีประโยชน์ในการรักษาโรคต่างๆได้มากมายหลายโรคด้วยกัน ไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้นที่ใช้มะนาวรักษาโรค ประเทศเพื่อนบ้านของเรา เช่น มาเลเซีย จีน และอินเดีย เขาก็ใช้มะนาวกัน ประเทศเพื่อนบ้านที่ไกลออกไป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และประเทศแถบอเมริกาตะวันตกก็ใช้มะนาวแก้ไอและรักษาโรคอื่นๆเช่นเดียวกัน รายได้เสริมทำผ่าน net ทำจากที่บ้าน/ที่ทำงาน รายได้ 5 หมื่น บ/ด ขั้นต่ำ สนใจสมัครที่ www.abc.321.cn
ประโยชน์ของมะนาวในแง่การนำมาใช้เป็นสมุนไพร มีดังนี้
          1. แก้ไอออกเลือด (ไอมีเลือดปน) - ใช้น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา มะนาว 4 ลูก เกลือ 1 ช้อน หรือประมาณ 3-4 เม็ด ผสมให้เข้ากันดี ให้มีรสเปรี้ยวเค็มหวาน ใช้จิบทุกครั้งที่ไอ -ใช้มะนาว 108 ใบ เบี้ยจั๊กจั่น 11 ตัว ปูนขาวหนักประมาณ 4 บาท วิธีทำ คั้นน้ำมะนาว ใส่เบี้ยจั๊กจั่นและปูนขาวปนกัน ดองประมาณ 3 คืน รับประทานครั้งละจอกชา แก้ไอออกเลือดดี
          2. ต่อมทอนซิลอักเสบ เอาน้ำมะนาว น้ำผึ้งและปูนขาวผสมดื่ม แก้ทอนซิลอักเสบ
          3.แก้ซาง,ตุ่มในคอเด็ก,เสมหะ - เมล็ดมะนาวขับเสมหะแก้โรคซางของเด็ก แก้เม็ดยอดในปากโดยเอาเม็ดมะนาวเผาไฟ บดให้ละเอียด ใช้น้ำมะนาวหรือรากของมะนาวฝนกันน้ำเป็นกระสาย ผสมเข้าด้วยกัน แล้วกวาดซางเด็ก - ให้เอาน้ำมะนาว 1 ช้อนชา แล้วเอารากมะนาวฝนให้ข้นดี แล้วจึงเอาไปล้วงคอเด็กสัก 2-3 ครั้งก็หาย - ใช้เม็ดมะนาวเคี้ยวกิน ขับเสมหะ ใช้ติดต่อกัน 7 วัน ได้ผลดี
          4. แก้เสียงแหบแห้ง - มะนาวทำให้เสียงไม่แหบแห้ง ตื่นตอนตอนเช้าทุกครั้งให้ผ่ามะนาวครึ่งหนึ่ง จิ้มเกลือบีบน้ำลงคอกลืนกิน ทำทุกเช้าทุกวัน ทำให้เสียงไม่แหบแห้ง
          5. ก้างติดคอ - เมื่อก้างปลาติดคอ เอามะนาว 1 ลูกคั้น เอาแต่น้ำ เติมเกลือ น้ำตาลนิดหน่อยกรอกลงไปให้ตรงก้างที่ติดคอ อมไว้สักครู่ แล้วจึงค่อยกลืน ก้างจะอ่อนตัวหลุดลงไปในกระเพาะ - ก้างปลาติดคอซึ่งเป็นชิ้นเล็กๆ เมื่อกลืนน้ำลายจะทำให้รำคาญเท่านั้น ให้ผ่ามะนาวแล้วนำมาอมไว้ในปาก อมจนรู้สึกรสเปรี้ยวของมะนาวเจือจางสัก 2-3 หน จะทำให้ก้างหลุดออกไปได้
          6. แก้ไข้ - นำใบมะนาวมาหั่นฝอยๆ ชงด้วยน้ำเดือด ดื่มแบบน้ำชาจะช่วยลดไข้และใช้อมกลั้วคอฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย - ประเทศในทวีปอาฟริกาตะวันตกนิยมใช้เปลือกรากมะนาวต้มเป็นยาแก้ไข้อย่างดี และใช้ใบทำเป็นยาชงกินแก้ไข้ที่มีอาการตัวเหลืองเล็กน้อย นอกจากนี้ยังใช้น้ำมะนาวดื่มแก้กระหายน้ำ แก้ไข้อีกด้วย - ที่ประเทศอินเดีย ถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่ นิยมรักษาโดยดื่มน้ำมะนาวแล้วพักผ่อน ถ้าเป็นไข้หวัดธรรมดา จะรับประทานผลอินทผลัมและดื่มน้ำมะนาวรักษา
          7. แก้ไข้ทับระดู เอาใบมะนาว 100 ใบ มาต้มกินแล้วหาย
          8. แก้ปวดศีรษะ - เอามะนาวมาฝานเป็นซีกบางๆ แล้วเอาปูนที่กินกับหมาก ละเลงด้านหน้าของซีกมะนาวนั้นบางๆ แล้วปิดตรงขมับ ทำอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ อาการปวดก็ค่อยหายดีขึ้นทุกวัน - ใช้น้ำมะนาวผสมกับน้ำตาลสัก 1 แก้ว ดื่มตอนเช้า ช่วยให้หายจากโรควิงเวียนและปวดหัว - ชาวมาเลเซีย ใช้ใบมะนาวผสมกับน้ำมะนาว บดทำเป็นยาใส่ผมแก้ปวดศีรษะ - ประเทศในทวีปอาฟริกาตะวันตก ใช้ใบมะนาวตำให้ละเอียดถูศีรษะหรือเคี้ยวรากมะนาวแก้ปวดศีรษะ
          9. แก้เลือดออกตามไรฟัน - เกิดจากการขาดวิตามินซี ทำให้เหงือกบวมและมีเลือดออกตามไรฟันเป็นประจำ หรือมีเลือดออกได้ง่าย เช่น มีเลือดกำเดาไหล มีจุดพรายย้ำขึ้นตามผิวหนัง อาจมีเลือดออกจนซีดได้ ถ้าอาการรุนแรง จะมีอาการปวดน่อง ข้อเท้าบวม การรักษาให้กินมะนาวหรือผลไม้เปรี้ยวๆ เช่น ส้ม จะแก้ได้ - แก้โรคลักปิดลักเปิดหรือเลือดออกตามไรฟัน ใช้มะนาวถูฟันสักพักเลือดก็จะหยุด
          10. แก้เหงือกบวม ใช้ลำสีชุบมะนาวเช็ดที่เหงือกวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
          11. แก้ลิ้นเป็นฝ้า ใช้ลำสีชุบมะนาวเช็ดที่ลิ้นวันละ 3ครั้ง
          12. ขจัดคราบบุหรี่ ใช้มะนาวถูฟันที่มีคราบบุหรี่จับ เมื่อใช้มะนาวถู คราบนั้นจะหาย ถ้าฟันผู้ที่รับประทานหมากต้องถูกบ่อยๆ ถ้าจับมากหลายวันแล้วต้องถอดฟันแช่น้ำมะนาวไว้ค้างคืน (หมายถึงผู้ใส่ฟันปลอมนะ) ฟันจะขาวสะอาดเงางาม
          13. ยาบ้วนปาก บีบน้ำมะนาวลงในแก้วสัก 2-3 หยดเท่านั้น บ้วนปากได้สะอาดยอดเยี่ยม
          14. แก้เป็นลมวิงเวียน อยากอาเจียน - ใช้มะนาวผ่าซีก โรยเกลือป่น เหยาะน้ำตาลทรายขาวสักนิดบีบกินลงไปพักเดียวหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้จากการตั้งครรภ์ เมารถ แพ้อากาศ มะนาวช่วยคุณได้ - ใช้มะนาวจิ้มเกลืออมไว้ในปากสักครูจะรู้สึกสดชื่นจากการเป็นลมวิงเวียน หน้ามืดได้ - ใช้เปลือกมะนาวแกะออกแล้วบีบหรือดมใกล้จมูก แก้เป็นลม วิงเวียน หน้ามืดตาลาย - ด้านประเทศฟิลิปปินส์และประเทศจีน ใช้เปลือกลูกมะนาวขยี้ใก้ดมแก้คลื่นไส้หรือเป็นลม หมอพื้นเมืองชาวอินเดีย นิยมใช้น้ำมะนาวแก้อาเจียน
          15. แก้วิงเวียนเมื่อคลอดบุตร - เอามะนาวปอกใส่ภาชนะ 2-3 ลูก เพื่อให้คนที่คลอดบุตรนั้นกินแก้วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย - เอามะนาว 3 ผล เกลือป่นและพริกไทยป่นพอควร ละลายด้วยน้ำร้อน แทรกเหล้าโรงประทาณให้ได้สักครึ่งถ้วยชา เวลาตกฟากรับประทาน 1 ครั้ง หรือรับประทาณต่อไปอีกก็ได้
         16. แก้เมาเหล้า เมายา - ดื่มน้ำมะนาวหรืออมกับเกลือ สำหรับคนเมาเหล้าหรือวิงเวียนจะเป็นลม
          17. แก้ลมเงียบ เอาใบมะนาวมาต้มกินกับยาหอมประมาณ 1 อาทิตย์
          18. แก้ตาแดง เอามะนาวผ่า แล้วเอาเมล็ดในออกให้หมด แล้วก็บีบเอาน้ำมะนาวหยอดลงในตกทั้ง 2 ข้างหลายๆหยด สัก 1-2 นาที พอหายแสบแล้วล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด เช็ดหน้าเรียบร้อยแล้วก็สบาย และใช้มะนาวต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะหายตาแดง
          19. บำรุงตา ใช้มะนาวสดทั้งลูกฝานตามที่เห็นสมควร แล้วบีบใส่ตาประจำ ประมาณเดือนหรือสองเดือนครั้งก็ใช้ได้ (เนื่องจากตาเป็นอวัยวะที่บอบบางมาก และน้ำมะนาวนั้นหยอดลงไปแล้วจะรู้สึกแสบตา ดังนั้น เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นจึงไม่ควรใช้น้ำมะนาวนี้หยอดตา)
          20. บำรุงผิว เอาเปลือกที่บีบเอาน้ำออกแล้ว นำมาทาบริเวณข้อศอก คาง เข่า ฝ่าเท้า ส้นเท้า ช่วยให้ส่วนเหล่านั้นนุ่มนวลได้อย่างดี
                                           
          21. แก้ผิวแตก ใช้มะนาวทาผิวหนังทำให้ชุ่มชื้น ไม่แตกกร้านในช่วงอากาศแห้ง
          22. แก้สิวฝ้า - ในกรณีที่สิวไม่มีการอักเสบติดเชื้อเป็นหนอง การรักษาอย่างง่ายที่ถูกวิธี คือ การทำความสะอาดใบหน้า เพื่อลดไขมันและกำจัดสิ่งอุดตันตามรูขุมขนบนใบหน้า หรือบริเวณอก คอ ที่มีสิวขึ้น ฉะนั้นมะนาวจะช่วยรักษาสิงให้ลดน้อยลงได้ เพราะน้ำมะนาวมีสภาวะเป็นกรดอ่อนๆจะทำให้เนื้อเยื่อที่ตามแล้วหลุกออกไป ทำให้ลดการอุดตันของรูขุมขน กรดอ่อนๆจะช่วยกำจัดเชื้อโรคและช่วยกำจัดไขมันได้บ้าง วิธีใช้ คือ ล้างหน้าด้วยสบู่ธรรมดาให้สะอาดแล้วผ่ามะนาวทาบริเวณที่มีสิวขึ้นให้เปียกชุ่มจนทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จึงล้างออกด้วยสบู่อีกครั้ง ทำเช่นนี้วันละ 1-2 ครั้ง เช้าและเย็น - ใช้แป้งดินสอพองกับน้ำมะนาวทาบริเวณที่เป็นสิวก่อนนอนทุกวัน สิวจะค่อยๆยุบหายไปในที่สุด - ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ไข่ขาว 1 ช้อนชา ผสมกันให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเอาไปแต้มที่ตุ่มสิว หรือผู้ที่ไม่มีสิว ใช้ทาบางๆทั่วไปประมาณ 30 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสบู่ หน้าจะนิ่มนวลอยู่เสมอ
          23. ลบรอยแผลเป็น รอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุ ใช้น้ำมะนาวผสมดินสอพองทาบริเวณที่เป็น ทำให้หน้าไม่ดำ หรืออาจใช้ใบมะลิสดตำผสมเพิ่มเข้าไปอีกก็ได้
          24. แก้ขาลาย คนที่มีขาลายเป็นจุดด่างดำเม็ดเล็กๆนั้น แก้ได้โดยเอาน้ำมะนาวบีบใส่ดินสิพองหมาดๆ แล้วทาทุกๆคืนก่อนนอน พอรุ่งเช้าก็ล้างออก ทำอย่างนี้ทุกวัน ไม่นานวันรอยด่างดำก็ลบหายไปเอง
          25. แก้น้ำเหลืองเสีย ใช้ใบมะนาว 108 ใบกับเกลือหรือดีเกลือ 2 บาท หรือประมาณ 3 ช้อนคาวรวมกัน ต้มรับประทานเป็นยาระบายถ่ายน้ำเหลืองเสีย รับประทานครั้งละครึ่งถ้วยแก้วกลาง วันละ 1 ครั้งก่อนเข้านอน
          26. แก้ส้นเท้าแตก เอามะนาวสดผ่าซีกแล้วบีบมะนาวให้หยดลงบนบริเวณที่เป็นแผลนั้น เพียงวันละ 2-3 ครั้ ภายใน 7 วัน โรคส้นเท้าแตกจะหายไปเอง
          27. ดับกลิ่นเต่า ใช้น้ำมะนาวทารักแร้ป้องกันกลิ่นเต่า
          28. แก้โรคผิวหนัง ประเทศแถบทวีปอาฟริกาตะวันตกและประเทศอินเดีย ใช้น้ำมะนาวทาแก้โรคผิวหนัง แต่ของอินเดีย เวลาอาบน้ำ ห้ามฟอกสบู่บริเวณที่เป็น
          29. แก้กลาก เกลื้อน หิด - นำกำมะถันตำให้ละเอียดบีบมะนาวใส่พอสมควร ทาบริเวณที่เป็นเกลื้อนหลังอาบน้ำและก่อนนอน เคยใช้กับญาติโยมหลายราย ผลออกมาแล้วหายเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ - ใช้มะนาวผ่าซีกแตะผงกำมะถันแล้วมาถูบริเวณที่เป็นหิด กลากเกลื้อนจะกายในเร็ววัน
          30. แก้หูด เอาเปลือกมะนาวหมักกับน้ำส้มสายชู 2 วัน ตัดเปลือมะนาวมาปิดที่หูด ปิดทับด้วยพลาสเตอร์ค้างคืนไว้ รุ่งเช้าจึงเอาออก ให้ทำเช่นนี้นาน 2 อาทิตย์
          31. แก้พุพอง ใช้รากมะนาวฝนกับน้ำซาวข้าว ทาแก้พุพอง แสบร้อน
          32. แก้น้ำกัดเท้า ใช้มะนาวทาที่เป็นตุ่มคัน น้ำกัดเท้า ทาแล้วทิ้งให้แห้ง ล้างออกด้วยน้ำสบู่ ให้ผ้าเช็ดให้แห้ง แล้วเอาแป้งทา ตุ่มคันก็จะหาย
          33. แก้ปูนซีเมนต์กัด เวลาถูกปูนซีเมนต์กัดตามมือ เท้า เอามะนาวมาตัดกลางลูก แล้วบีบน้ำมะนาวตรงที่ปูนกัดก็จะหาย
          34. แก้คัน - ใช้มะนาวตัดกลางลูกรมไฟพออุ่น ถูทาตามที่คันภายใน 2-3 วัน จะหาย - เรื่องแก้คันนี้ในประเทศอินเดีย ใช้มะนาวผสมน้ำผึ้ง ทาบริเวณที่คันและเวลาอาบน้ำ อย่าฟอกสบู่บริเวณที่คัน ใช้ทาทุกครั้งเมื่อรู้สึกคัน
          35. แก้หนอนคัน แถวชนบทมีตัวหนอนหลายชนิด เมื่อเราไปถูกมันเข้าจะทำให้เนื้อตรงบริเวณนั้นคันมาถึงกับเน่าเปื่อยก็มี ถ้าไปถูกตัวหนอนแล้วคันแต่ยังไม่เปื่อยเป็นแผล ให้เอามะนาวผ่าซีกถูตรงที่คันนั้น แต่ถ้าเปื่อยเป็นแผลแล้ว ให้เอาบานไม่รู้โรยมาตำกับปูนที่กินกับหมากผสมน้ำเล็กน้อย ทาตรงแผยเปื่อยรับรองหาย
          36. แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย - ใช้ระงับความเจ็บปวดจากพิษแมลงได้ โดยใช้มะนาวพอกบริเวณปากแผลทิ้งไว้ 2-3 นาทีแล้วเปลี่ยนใหม่ทำดูจะหายปวด - ในประเทศจีน ใช้ผลสดคั้นเอาน้ำ ทาบริเวณที่ถูกตะขาบกัด แมลงป่องต่อยทันทีจะแก้ได้
          37. แก้สังคัง ใช้มะนาวผ่าซีก ทาก่อนนอนและหลังตื่นนอน เพียงไม่กี่วันก็หาย
          38. ใช้สระผม แก้คันศีรษะ - ใช้น้ำมะนาวสระผมทำให้ผมสะอาด หอม - ถ้าคันศีรษะบ่อย ใช้น้ำมะนาวนวดศีรษะให้ทั่วสักครู่ก่อนสระผมจะแก้ได้
          39. แก้หัวโน ใช้แป้งดินสอพองผสมน้ำมะนาว ทาตรงที่ช้ำบวมสักพักใหญ่ๆ อาการปวดบวม ปูด ก็จะยุบ หมั่นทาวันละ 1-2 ครั้ง ภายใน 2 วันก็จะหายไปเอง
          40. แก้ผิวหนังฟกช้ำ ผสมน้ำมะนาวกับดินสอพองข้นๆ ทาบริเวณที่มีอาการผิวเนื้อถูกกระแทกเขียวฟกช้ำ หรือบวมโน จะหายเป็นปกติ                                          
          41.แก้หนามปัก แก้หนามปักคา ใช้มะนาวกับน้ำมันตับปลา ใส่ที่แผลจะดูดหนามออกมาได้
          42. แก้เล็บขบ เอามะนาวมาผ่าตรงส่วนหัวออกขนาดพอสอดนิ้วเข้าไปได้ ใช้มีดคว้านเอาเนื้อข้างในออกเล็กน้อย เสร็จแล้วเอาปูนทาบางๆ แล้วเอานิ้วสอดเข้าไป แล้วทิ้งไว้ ทำดังนี้ 2-3 ครั้ง อาการเล็บขบจะหายไป
          43. แก้ปลาดุกยัก ใช้มะนาวผ่าซีกแล้วกดหรือถูครงรอยปลาดุกยักสักพักหนึ่ง จะหายปวดภายใน 4-5นาที
          44. แก้งูกัด แก้งูกัดให้ปฏิบัติดังนี้ 1. ให้คนเจ็บนอนราบๆ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนทั่วร่างกายช้าลง และพิษงูจะได้แผ่ซ่านช้าลงด้วย 2. ถ้าถูกงูพิษกัดที่แขนและขา ให้เอาเชือกรัดเหนือแผลหน่อย กะให้รัดอยู่ในระหว่างแผลกับหัวใจของคนเจ็บ การรัดให้รัดพอให้เลือดตรงผิวหนังนั้นหยุดไหลเพื่อกันไม่ให้พิษผ่านเข้าเส้นโลหิตดำเท่านั้น ไม่ต้องรัดแน่นมากจนหลอกเลือดที่อยู่ลึกลงไปพลอยหยุดไหลไปด้วย ถ้ารัดพอดีๆจะสังเกตเห็นน้ำเหลืองไหลซึมออกจากแผลอยู่เรื่อยๆ 3. ใช้ใบมีดโกนที่สะอาดและฆ่าเชื้อแล้ว กรีดลงบนแผลเป็นรูปกากบาท ลึกสัก 1 ใน 8 นิ้ว ยาว สัก 1 ใน 4 นิ้ว ทั้ง 2 เขี้ยว อย่าตกใจว่าจะเสียเลือด เพราะมันจะช่วยล้างพิษออกด้วย ให้ใช้ปากดูดพิษออกมาจากแผลที่กรีด พิษงูจะไม่เป็นอันตรายเมื่อเข้าไปอยุ่ในปาก นอกจากจะมีแผลในปากหรือฟันผุเท่านั้น เมื่อดูดพิษออกมาให้รีบบ้วนทิ้ง แล้ววางน้ำแข็งที่แผลสลับกับการดูดช่วยด้วย และระวังให้แขน ขาที่ถูกงูกัดให้อยู่ต่ำๆไว้ หมายเหตุ ถ้าฟันผุหรือมีแผลในปาก ใช้ขวดอุ่นให้ร้อน (ระวังแตก) เอาปากขวดทาบกับแผล เพื่อช่วยดูดเลือดออกจากแผลแทน 4. ให้กินน้ำมะนาว ขนาดผลโตๆสัก 1 ผล น้ำมะนาวจะไปทำปฏิกิริยากับพิษงูที่แล่นเข้าสู่กระเพาะอาหาร สักครูก็จะอาเจียนออกมา มีเลือดปนเล้กน้อย ซึ่งแสดงว่าพิษงูได้หมดฤทธิ์แล้ว 5.คนเจ็บจะเกิดความมั่นใจและค่อยหายกลัว ให้เขาดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มร้อนๆได้ แต่อย่าให้กินเหล้า พิษงูมันเดินเข้าหัวใจอย่างช้าๆ แต่หลังจากที่ถูกงูกัด อาจปวดมากจนถึงกับช็อค ให้คนเจ็บอยู่เงียบๆ เพราะถ้าไปทำอะไรเข้า จะเป็นการเร่งพิษเดินทางเข้าสู่หัวใจเร็วเข้าอีก ให้ใช้น้ำแข็งหรือผ้าชุบน้ำแข็งวางที่แผล จะช่วยบรรเทาอาการปวดลงได้ และรีบนำส่งรักษาที่โรงพยาบาล
          45. ป้องกันงู เมื่อใช้มะนาวคั้นเอาน้ำหมดแล้ว เอาเปลือกวางท้องเอาไว้ใกล้ๆที่นอน จะทำให้งูไม่มารบ
กวน เพราะได้กลิ่นมะนาว
          46. แก้แมงคาเรืองเข้าหู นำน้ำมะนาวอย่างเดียว กรองด้วยผ้า ใช้หยอดหู แก้แมงคาเรืองเข้าหู ถ้าตัวยังไม่ตายจะหนีออกมา ถ้าไม่หนีออกมาตัวจะตายในหู
          47. แก้ฝี - แก้ปวดฝีใช้รากสดฝนกับเหล้าทา - ขูดเอาผิวมะนาว ผสมกับปูนแดงปิด ฝีจะหาย
          48. แก้ฝีมะตอย เอามะนาวทั้งลูก มาคว้านไส้ในออกให้เอานิ้วเข้าไปได้ แล้วเอาปูน(กินหมาก)ทาเข้าไปในลูกมะนาวเล็กน้อย แล้วสวมเข้านิ้วที่มีฝีขึ้น
          49. แก้แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ให้เอาน้ำมะนาวมาชะโลมบริเวณที่ถูกไฟไหม้หรือถูกน้ำร้อนลวก มีสรรพคุณดับพิษปวดแสบแวดร้อนได้ผล
          50. แก้บาดทะยัก เมื่อดถูตะปูตำ หนามเกี่ยว หรือถูกของที่มีคม เอาน้ำมะนาวบีบใส่แผลที่เป็น จะป้องกันบาดทะยักได้
          51. แก้ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ - แก้อาการปวดท้อง แน่นท้อง เอาผลมะนาวครึ่งผล บีบเอาน้ำมะนาวใช้กินกับน้ำอ้อย หรือน้ำตาล แก้อาการนี้ได้ - เด็กท้องอืดร้องกวนในเวลากลางคืน เอาปูนเคี้ยวหมากขยี้ลงบนฝ่ามือ บีบน้ำมะนาวคลุกให้ทั่ว แล้วทาท้องด็ก สักครู่เด็กจะผายลม 2-3 ครั้ง แล้วหยุกร้องไห้ หลับสบายตลอดคืน เพราะน้ำมะนาวทำปฏิกิริยากับปูน ให้ความร้อนเกิดความอบอุ่น
          52. รักษาโรคกระเพาะ เปลือกผลมะนาว ใช้ชงกับน้ำอุ่ม ดื่มเป็นยาขับลมและแก้โรคกระเพาะได้
          53. แก้ท้องผูก ใช้มะนาว ประมาณค่อนแก้วกาแฟ ใส่เกลือเล็กน้อย ให้เค็มพอประมาณ ดื่มทุกวันเป็นยาระบายได้ดี ทำให้เจริญอาหาร
          54. แก้ท้องร่วง ประเทศอินเดีย ใช้น้ำมะนาวกับน้ำสะอาดดื่มแก้ท้องร่วง
          55. แก้อาหารเป็นพิษ น้ำมะนาว น้ำปูนใส เติมเกลือให้มีรสเค็ม กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ แก้อาหารเป็นพิษ


แหล่งที่มา
         https://www.google.co.th/webhp?sourceid=chrome-instant&ion=1&espv=2&ie=UTF-8#q=%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A7+doc

มะเขือเปราะ

++ การปลูกมะเขือเปราะ ++

การเตรียมพื้นที่ก่อนปลูก : ไถพรวนหน้าดินถึง 2 ครั้ง ในการไถครั้งแรกนั้นเพื่อพลิกหน้าดินและตากดินไว้ก่อน ประมาณ 1 สัปดาห์แล้วค่อยการไถพรวนดินอีกครั้ง และที่สำคัญนั้นคุณแม่จะ หว่านปูนขาว ในพื้นที่ อัตราส่วน 50 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วยกแปลงสูง 10-15 เซนติเมตร และหว่านปุ๋ยคอกอีกครั้งก่อนที่จะนำมะเขือมาปลูกในแปลง ให้น้ำอีกครั้งหนึ่งแต่ไม่ควรให้น้ำจนแฉะเกินไป เพราะอาจทำให้มะเขือเป็นโรคโคนเน่าได้


การเตรียมหลุมปลูก : ขุดหลุมลึก 50 เซนติเมตร ใช้ระยะปลูก ระหว่างแถว 100 เซนติเมตร *ระหว่างต้น 50-70 เซนติเมตร

การย้ายกล้าปลูก : ทำในขณะแดดร่มลมตก ช่วงบ่าย 3-4 โมงเย็นเป็นต้นไป โดยก่อนจะย้ายต้นกล้าลงหลุมปลุก ควรรองพื้นก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอกอัตรา   2-3 กำมือ ต่อ หลุม แล้วย้ายต้นกล้าที่มีอายุได้ 30 วัน ลงหลุมปลูก กลบดินให้   พูนสูง

การให้ปุ๋ย : ในการปลูกมะเขือเปราะจะไม่เน้นปุ๋ยเคมีมากนัก แต่จะเน้นการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักขั้นเตรียมแปลงปลูกให้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ควรมีการให้ปุ๋ยเคมีเสริมบ้างเล็กน้อย เพื่อป้องกันการขาดธาตุอาหาร และได้ผลผลิตที่สมบูรณ์ ตลาดต้องการ โดยจะใส่ปุ๋ยเคมีเร่งการเจริญเติบโตของต้นกล้าและเสริมให้ต้นกล้าแข็งแรงหลังปลูกประมาณ 3 สัปดาห์ จากนั้นจึงใส่ปุ๋ยสูตร(46-0-0)ประมาณ 20 กิโลกรัมต่อไร่ และจะใส่อีกครั้งเมื่อต้นมะเขือเริ่มออกดอกจะใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือสูตร 15-15-15 ในอัตราส่วน 30กิโลกรัมต่อไร่ ด้วยวิธีการหว่านบริเวณโคนต้น ให้ทั่ว/ระหว่างร่องแปลง(ระหว่างพุ่มใบของมะเขือที่จรดกัน)ต้นละประมาณ 1 กำมือ


การเก็บเกี่ยว : ส่วนการเก็บผลผลิตนั้นจะเริ่มเก็บเกี่ยวเมื่อมะเขือมีอายุประมาณ 45 วัน โดยจะเก็บผลที่มีขนาดเท่าลูกมะนาว หรือ ใหญ่กว่าเหรียญสิบบาทเล็กน้อย ส่งขายในลักษณะผลสด ระหว่างการเก็บเกี่ยว ใน 1 เดือน จะสามารถเก็บผลผลิตได้ 8 ครั้ง และ หากมีการดูแลรักษาที่ดีจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน 10-12 เดือนต่อการปลูก 1 ครั้ง




การตลาด : 
- จำหน่ายราคาส่งในพื้นที่ได้ กก.ละ 6 บาท
- ในช่วง 1 เดือนสามารถสร้างรายได้ประมาณ 6,000 - 7,500 บาท ต่อ พื้นที่ปลูก 1 ไร่

แหล่งอ้างอิง :
คุณทองพัฒน์ อุบลวรรณ์ อายุ : 42 ปี
ที่อยู่ : 12 หมู่ที่ 3 ตำบลบึงเนียม อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น

  

มะเขือยาว

วิธีการปลูกมะเขือยาว
                                                            
               มะเขือยาว เป็นพืชข้ามปี สามารถเจริญ เติบโตในดิน ทุกสภาพ ดินมีความเป็น กรดเป็นด่าง อยู่ระหว่าง 5.5-6.5 ปลูก ได้ ตลอดปี และทั่วทุกภาค ของไปประเทศไทย มะเขือยาว เป็นพืชที่เรา ใช้ส่วนผล ในการบริโภค ใช้เป็นผักสด หรือประกอบ อาหารได้หลายชนิด

การเตรียมแปลงและเพาะกล้ามะเขือยาว
              ขุด ดินลึก 15-20 เซนติเมตร (1 หน้า จอบ) ใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักที่สลาย ตัวดีแล้วพรวนดิน และย่อยดินให้ละเอียด ยกเป็นแปลง ตามขนาดและตามความต้องการ ปรับหน้าดินให้เรียบหว่าน เมล็ดพันธุ์ให้กระจายให้ทั่วแปลง แล้วหว่านกลบด้วย ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก คลุดด้วยฟางข้าวกลบหน้าบางๆ รดน้ำให้ชุ่ม ดูแลรักษากล้านาน 25-30 วัน ต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ จึงย้ายลงแปลงปลูก

การเตรียมแปลงปลูกและการย้ายปลูก
              มะเขือ ยาว เป็นพืชที่มีรากค่อนข้างลึก ในแปลงปลูกควรโรยปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากับดิน ยกแปลงให้สูง 20-30 เซนติเมตร กว้างประมาณ 1.5 เมตร ความยาวแปลงแล้วแต่พื้นที่ ขุดหลุมปลูกลึก 15-20 เซนติเมตร (1 หน้าจอบ) ใช้ระยะ ระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระหว่างแถว 10 เซนติเมตร รองกันหลุมด้วยปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตราหลุมละ 1/2 ช้อนชา ทับหน้าปุ๋ยเคมีด้วยปุ๋ยคอก หลุมละ 1 กะลามะพร้าว เสร็จแล้วให้นำต้นกล้าลงปลูกในหลุม แล้วรดน้ำให้ชุ่ม

การดูแลรักษามะเขือยาว
              การ ใส่ปุ๋ย ใส่ปุ๋ย 15-15-15 หรือ 13-13-21 อัตรา 1 ช้อนชา/ต้น ทุกๆ 15-20 วัน โรยห่างโคนต้น 5-10 เซนติเมตร (บริเวณชายทรงพุ่ม) หรือใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์น้อยลงก็ได้
              การให้น้ำ ควรทำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน
              การ พรวนดินกำจัดวัชพืช หลังจากปลูกแล้ว ถ้ามีวัชพืชให้รีบกำจัดอย่างปล่อยให้รบกวน เพราะจะทำให้แย่งน้ำอาหาร และควรพรวนดินไปด้วยเพื่อให้ดินร่วน
              หากเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรีย ใช้โคโค-แม็กซ์ อัตรา 5 ช้อนแกง/น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นตอนเย็น จะกำจัดโรคได้เป็นอย่างดี

การเก็บเกี่ยวมะเขือยาว
              อายุการเก็บเกี่ยวของมะเขือยาวประมาณ 60-80 หลังย้ายกล้าลงปลูกสามารถเก็บได้ ให้เลือกเก็บผลที่มีขนาดพอเหมาะ


ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://myveget.com

ข่าตาแดง

ข่าตาแดง
ข่า ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าจับตา เพราะเป็นพืชเครื่องเทศที่มีความนิยมสูงในการนำมาเป็นส่วนประกอบในหลากหลายเมนูอาหาร อีกทั้งเป็นพืชที่ทนแล้ง ต้านทานโรคได้ดี ปลูกและดูแลง่าย สรรพคุณมากมายตลาดต้องการสูง วันนี้ขอนำความรู้จากประสบการณ์ตรงของเกษตรกรรุ่นใหม่ คือ คุณเบียร์-ราชพฤกษ์ รักษาการณ์ ที่กล้าเปลี่ยนตัวเองจากวิศวกรและนักดนตรี มาเป็นเกษตรกรศึกษาเรื่องการปลูกข่าตาแดงอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาเพียง 3 ปี สามารถสร้างรายได้จากการปลูกข่าตาแดงส่งตลาดและโรงงานเครื่องเทศได้กว่าปีละ 5 ล้านบาท
คุณเบียร์บอกว่า ข่าตาแดง เป็นข่าที่มีสีสวย เนื้อแน่นแห้งสนิท ไม่มีเสี้ยน เหมาะสำหรับนำไปบดเป็นข่าผงเพื่อจำหน่ายไปยังตลาดต่างประเทศได้อย่างดี ที่สำคัญ ข่าตาแดงนี้ ลงทุนปลูกครั้งเดียวสามารถให้ผลผลิตได้ยาวนานต่อเนื่อง 10 ปี ถือเป็นข่าพื้นบ้านที่ปลูกง่าย แตกหน่อดี ให้ผลผลิตตลอดทั้งปีต่อเนื่อง อีกทั้งราคารับซื้อก็สูงและปรับขึ้นเรื่อยๆ สามารถสร้างรายได้ที่น่าพอใจให้กับเกษตรกรได้ดี ซึ่ง ข่าตาแดง ที่คุณเบียร์ปลูกนี้ ถือเป็นข่าปลอดสารพิษ มีวิธีการปลูกและดูแล ดังนี้
1.การเตรียมดิน
ข่าตาแดง เป็นพืชที่ชอบดินร่วนซุย ชอบดินชื้น แต่ไม่ชอบน้ำขัง หากพื้นที่ใดน้ำขังก็ต้องทำพื้นที่ให้เรียบเสมอกัน จากนั้นไถดะแล้วไถแปร ไถเปิดหน้าดินอย่างน้อย 50 เซนติเมตร โรยปุ๋ยขี้ไก่แกลบลงไปไร่ละ 1,000 กิโลกรัม แล้วไถกลบ เตรียมตากดินไว้ 7 วัน คลุมหน้าดินด้วยฟางข้าว 100 ก้อน/ไร่ เพื่อเป็นการป้องกันหญ้าไม่ให้เกิดขึ้น
2.การเตรียมต้นพันธุ์ข่าตาแดง
ใช้ต้นพันธุ์อายุ 1.6 ปีเท่านั้น เพราะทดลองแล้วว่าอายุข่าตาแดง ขนาดนี้เหมาะในการนำมาปลูก แตกแขนงดี แข็งแรง และมีตามาก นำมาแยกแง่ง ตัดใบ ตัดราก ออกให้หมด แล้วล้างให้สะอาด แล้วนำต้นพันธุ์ที่เตรียมแล้ว ไปแช่น้ำยาเร่งรากและน้ำยากันเชื้อรา ประมาณ 20 นาที ถ้าเหง้าไหนใหญ่เกินไปก็ตัดแบ่งออก บริเวณรอยแผลที่ตัดให้ทาด้วยปูนกินหมากตรงแผลจะช่วยป้องกันเชื้อราได้ จากนั้นนำไปเพาะชำในแกลบดำ หรือ ขุยมะพร้าว แล้วรดน้ำให้ชุ่ม รอรากงอกประมาณ 10-15 วัน หากท่านใดไม่อยากรอก็สามารถนำเหง้าข่าที่แช่น้ำยาแล้ว ลงปักดำปลูกได้ทันที
**ซึ่งพันธุ์ข่าที่คุณเบียร์แนะนำคือ ข่าดิน ที่รับซื้อจากชาวบ้านโดยตรง ซื้อมาแบบเหมากอ แล้วตัดให้ได้ความยาว 30 เซนติเมตร แล้วนำไปปลูกในแปลงที่เตรียมไว้ ซึ่งข่าดินจะแข็งแรงกว่า และขยายพันธุ์ได้ดีกว่านั่นเอง
3.การปลูกข่า
ตามคำแนะนำของคุณเบียร์ จะมี 3 แบบ ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนที่ต่างกัน แต่การลงทุนก็มีความแตกต่างเช่นกันดังนี้
แบบที่ 1 ใช้กิ่งพันธุ์ข่า 500 กิโลกรัม ลงปลูกหลุมละ 1 ต้น ได้ 2,350 กอ ระยะห่างในการปลูก 80x60 เซนติเมตร เก็บผลผลิตได้ 1,500 กิโลกรัม แบบนี้ใช้เงินลงทุนเฉพาะค่าพันธุ์ 15,000 บาท เมื่อขายข่าจะมีรายได้เท่ากับ 1,500x30 บาท เท่ากับ 45,000 บาท
แบบที่ 2 ใช้กิ่งพันธุ์ข่า 1,000 กิโลกรัม ลงปลูกหลุมละ 2 ต้น ได้ 2,350 กอ ระยะห่างในการปลูก 80x60 เซนติเมตร เก็บผลผลิตได้ 3,000 กิโลกรัม แบบนี้ใช้เงินลงทุนเฉพาะค่าพันธุ์ 30,000 บาท เมื่อขายข่า จะมีรายได้เท่ากับ 30,000x30 บาท เท่ากับ 90,000 บาท
แบบที่ 3 ใช้กิ่งพันธุ์ข่า 1,500 กิโลกรัม ลงปลูกหลุมละ 3 ต้น ได้ 1,500 กอ ระยะห่างในการปลูก 100x100 เซนติเมตร เก็บผลผลิตได้ 4,500 กิโลกรัม แบบนี้ใช้เงินลงทุนเฉพาะค่าพันธุ์ 45,000 บาท เมื่อขายข่าจะมีรายได้เท่ากับ 4,500 x 30 บาท เท่ากับ 135,000 บาท
การลงทุนพันธุ์ข่ากิโลกรัมละ 30 บาท การรับซื้อคืนในราคากิโลกรัมละ 30 บาท ซึ่งคุณเบียร์บอกว่า หากเกษตรกรท่านใดสนใจ ลงทุนปลูกข่าภายใต้การแนะนำตามแนวทางของคุณเบียร์นั้น คุณเบียร์ยินดีรับซื้อผลผลิตคืนให้ทุกคน ซึ่งราคารับซื้อนี้ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุน เพราะลงทุนครั้งเดียว สามารถเริ่มเก็บเกี่ยวครั้งแรกเมื่อข่าอายุครบ 8 เดือน จากนั้นนับต่อเนื่องอีกทุก 4-6 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตข่าได้ต่อเนื่องนาน 10 ปี โดยไม่ต้องลงทุนใหม่
การให้น้ำแปลงข่า
คุณเบียร์แนะนำง่ายๆ ดังนี้คือ ในรอบหนึ่งเดือน ให้น้ำข่า 2 ครั้ง คือ วันที่ 1 และ 16 โดยตื่นตีห้าฉีดพ่นให้ปุ๋ยทางใบแก่ต้นข่า จากนั้นเปิดน้ำใส่ให้แปลงข่าชุ่มโชกจนถึงประมาณเที่ยงวันก็หยุด จากนั้นก็ปล่อยให้น้ำหน้าดินค่อยๆ ซึมลงไปในแปลงข่าเอง พอวันที่ 16 ก็ทำเหมือนกันอีกรอบ หรือ สังเกตหน้าดิน หากยังชุ่มอยู่ไม่ต้องให้น้ำ หากหน้าดินแห้งก็ให้น้ำเพิ่มเติม
การให้ปุ๋ย
จากประสบการณ์ที่ศึกษาอย่างเข้าใจ ข่าตาแดง แนะนำให้ใช้เฉพาะปุ๋ยขี้ไก่แกลบเท่านั้น และเสริมด้วยปุ๋ยเคมีเล็กน้อย ด้วยระยะเวลาการเติบโต 8 เดือน ในช่วงเดือนที่ 1-4 ใช้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ช่วงเดือนที่ 5-7 ให้ใช้สูตร 0-0-60 ใส่โดยโรยรอบกอข่า ระยะห่าง 10 เซนติเมตร เพราะรากฝอยจะออกมาหาปุ๋ยกินเอง เพียงเท่านี้ เอาใจใส่ตามคำแนะนำ ก็สามารถปลูกข่าตาแดง ให้ได้ผลผลิตดี ตรงตามความต้องการแน่นอน
การขุดข่า ล้างข่า บรรจุถุง
จะทำได้ง่ายมากเพราะดินมีแกลบอยู่มาก เมื่อขุดหัวข่าขึ้นมาแล้ว มาทำการตัด ด้วยการวัดระยะ หนึ่งกำมือแล้วตัด จากนั้นใช้สายยางฉีดน้ำล้างดินออกให้หมด เอาลงแช่น้ำสะอาดที่ผสมสารส้ม (น้ำสะอาด 100 ลิตร ใส่สารส้ม 1 ก้อนเท่าไข่ไก่ ) จะช่วยให้ข่าสดอยู่ได้หลายวัน จากนั้นบรรจุลงถุง ชั่งน้ำหนัก 10 กิโลกรัม เตรียมส่งจำหน่ายต่อไป
เคล็ดลับที่เกษตรกรควรรู้ คือ
ทุกครั้งที่เกษตรกรขุดข่าออกแล้ว ควรกลบหลุมข่าที่ขุดแล้วด้วยแกลบดำให้พูนเป็นหลังเต่าทั่วทั้งกอข่า จะช่วยให้ข่ามีสีสวย และทำให้ข่าขุดง่ายในคราวต่อๆ ไป
สำหรับเกษตรกรที่สนใจ ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม หรือต้องการศึกษาดูงานติดต่อโดยตรงที่ คุณราชพฤกษ์ รักษาการ(คุณเบียร์) โทร. 092-470-2095 , 085-651-9648 หรือเชิญได้ที่สวนข่า บ้านหนองปลาหมอ ต.หนองปลาหมอ อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น



ข้อมูล : น.ส.ดุจน้ำทิพย์ พันธุ์ทอง . เจ้าหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด จังหวัดขอนแก่น http://www.rakbankerd.com/agriculture/page.php…
ภาพ:www.kasetporpeang.com ,www.samunpri.com


ภาษาไทย ม.ปลาย เรื่อง หลักภาษาไทย

เรื่อง      หลักภาษาไทย

อักขระวิธี    ได้แก่  อักษร  แปลว่า  ตัวหนังสือ
ลักษณะอักษร
         เสียงในภาษาไทย  มีอยู่  3  อย่าง คือ
1. เสียงแท้
    ได้แก่  สระ
2. เสียงแปร
   ได้แก่  พยัญชนะ
3. เสียงดนตรี
  ได้แก่  วรรณยุกต์

สระ
สระในภาษาไทย  ประกอบด้วยรูปสระ 21 รูป  และเสียงสระ  32 เสียง

พยัญชนะ
รูปพยัญชนะ
  มี 44 ตัว  คือ
1. อักษรสูง
  มี  11  ตัว  คือ                        
2. อักษรกลาง  มี 9   ตัว                 
3. อักษรต่ำ
   มี  24  ตัว  คือ 
      3.1  อักษรคู่  คืออักษรต่ำที่เป็นคู่กับอักษรสูง มี 14  ตัว   คือ           ฌ ซ  ฑ  ฒ ท ธ       
      3.2 อักษรเดี่ยว   คืออักษรต่ำที่ไม่มีอักษรสูงเป็นคู่กัน  มี  10  ตัว คือ                   

วรรณยุกต์
วรรณยุกต์  มี  4  รูป  ได้แก่
              1. ไม้เอก
              2. ไม้โท
              3. ไม้ตรี
              4. ไม้จัตวา

เสียงวรรณยุกต์ที่ใช้อยู่ในภาษาไทย  มี   5  เสียง
               1. เสียงสามัญ   คือเสียงกลาง ๆ เช่น กา  มา  ทา  เป็น  ชน 
               2. เสียงเอก  ก่า  ข่า  ป่า  ดึก   จมูก  ตก  หมด
               3. เสียงโท  เช่น  ก้า  ค่า   ลาก  พราก  กลิ้ง  สร้าง
               4. เสียงตรี  เช่น  ก๊า  ค้า  ม้า  ช้าง  โน้ต  มด
               5. เสียงจัตวา  เช่น  ก๋า  ขา  หมา  หลิว  สวย  หาม  ปิ๋ว   จิ๋ว
                                                                                                             
 คำเป็นคำตาย
คำเป็น  คือ  คือเสียงที่ประสมทีฆสระ (สระเสียงยาว)  ในแม่ ก  กา  เช่น  กา  กี  กื  กู
คำตาย
  คือ  คือเสียงที่ประสมรัสสระ (สระเสียงสั้น)  ในแม่ ก  กา  เช่น  กะ  กิ  กุ  
คำสนธิ
   คือ   การต่อคำตั้งแต่สองคำขึ้นไปให้ติดเนื่องกัน   โดยมีการเพิ่มสระในแทรกระหว่างคำ   หรือเพิ่มคำเพื่อติดต่อกันให้สนิท   เช่น
            ปิตุ + อิศ                                  เป็น                              ปิตุเรศ
            ธนู + อาคม                              เป็น                              ธันวาคม
            มหา + อิสี                                เป็น                              มเหสี

คำสมาส   คือ   การนำคำประสมตั้งแต่   2   คำขึ้นไปให้เป็นคำเดียวคำที่ใช้นำมาจากภาษาบาลีและสันสกฤต   เมื่อรวมกันแล้วความหมายเปลี่ยนไปก็มี,
                  ความหมายคงเดิมก็มี   เช่น
             ราช + โอรส                            เป็น                             ราชโอรส
             สุธา + รส                                เป็น                             สุธารส
              คช + สาร                               เป็น                              คชสาร

คำเป็น   คือ   พยางค์ที่ประสมกับสระเสียงยาวในแม่      กา   และพยางค์ที่มีตันสะกดใน   แม่  กน   กง   กม   เกย   และสระ   อำ   ไอ   ใอ   เอา
คำตาย   คือ   พยางค์ที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นในแม่      กา   กก   กด   กบ   แต่ยกเว้นสระ   อำ   ไอ   ใอ   เอา
อักษรควบ   คือพยัญชนะ   2   ตัว   ควบกล้ำอยู่ในสระตัวเดียวกัน   เช่น   เพลา   เขมา
อักษรควบแท้   คือคำที่ควบกับ            เช่น    ควาย  ไล่  ขวิด  ข้าง  ขวา   คว้า  ขวาน  มา  ไล่  ขว้าง ควาย  ไป
ควาย
  ขวาง  วิ่ง วน  ขวักไขว่        กวัดแกว่ง ขวาน  ไล่  ล้ม  คว่ำ ขวาง ควาย.
  
 อักษรควบไม่แท้    คือ   อักษร   2   ตัวที่ควบกล้ำกันได้แก่ตัว      แต่ออกเสียงเฉพาะตัวหน้าแต่ไม่ออกเสียง      หรือบางตัวออกเสียงเปลี่ยนไปเป็นพยัญชนะอื่น
เช่น   เศร้า   ทราย   จริง   ไซร้   ปราศรัย   สร้อย   เสร็จ   เสริม   ทรง   สร้าง   สระ
อักษรนำ   คือ   พยัญชนะ   2   ตัวรวมอยู่ในสระเดียวกัน   บางคำออกเสียงร่วมกันเช่น   หนู   หนอ   หมอ   หมี   อย่า   อยู่   อย่าง   อยาก   หรือบางคำออกเสียงเหมือน   2   พยางค์   เนื่องจากต้องออกเสียงพยัญชนะตัวหน้ารวมกับตัวหลัง   แต่พยัญชนะ   2   ตัว นั้นประสมกันไม่สนิทจึงฟังดูคล้ายกับมีเสียงสระอะดังออกมาแผ่ว ๆ    เช่น  กนก   ขนม   จรัส   ไสว   ฉมวก   แถลง   ฝรั่ง   ผนวก
คำมูล   คือ   คำที่เราตั้งขึ้นเฉพาะคำเดียว   เช่น   ชน   ตัก   คน   วัด   หัด   ขึ้น   ขัด  

คำประสม   คือ   การนำคำมูลมาประสมกันเป็นอีกคำหนึ่ง   เช่น
แม่ + น้ำ     =  แม่น้ำ  แปลว่า   ทางน้ำไหล        
หาง + เสือ   =   หางเสือ แปลว่า   ที่บังคับเรือ 
ลูก + น้ำ       =      ลูกน้ำ

พยางค์   คือ   ส่วนหนึ่งของคำหรือหน่วยเสียงประกอบด้วยสระตัวเดียวจะมีความหมายหรือไม่มีก็ได้   พยางค์หนึ่งมีส่วนประสมต่าง ๆ คือ
1. พยัญชนะ + สระ + วรรณยุกต์   เช่น   ตา   ดี   ไป   นา
2. พยัญชนะ + สระ + วรรณยุกต์ + ตัวสะกด  เช่น   คน   กิน   ข้าว   หรือพยัญชนะ + สระ + วรรณยุกต์ + ตัวการันต์   เช่น   โลห์   เล่ห์
3.  พยัญชนะ + สระ + วรรณยุกต์ + ตัวสะกด + ตัวการันต์     เช่น   รักษ์   สิทธิ์   โรจน์
พยางค์แบบนี้เรียกว่า   ประสม  5   ส่วน

วลี   คือ   กลุ่มคำที่เรียงติดต่อกันอย่างมีระเบียบ   และมีความหมายเป็นที่รู้กัน   เช่น
การเรียนหลักภาษาไทยมีประโยชน์มาก
ประโยค   คือ   กลุ่มคำที่นำมาเรียงเข้าด้วยกันแล้วมีใจความสมบูรณ์   เช่น
1. ประโยค   2   ส่วน                 ประธาน     +     กริยา
                                                    นก                 บิน
2. ประโยค   3   ส่วน                 ประธาน     +     กริยา     +     กรรม
                                                     ปลา                 กิน                มด

คำไทยแท้
คำไทยแท้ส่วนใหญ่เป็นคำพยางค์เดียว มีใช้ครบทั้ง  ชนิด  
สำหรับคำไทยที่มีหลายพยางค์อาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุดังนี้
                                1.1  การกร่อนเสียง สันนิษฐานว่า คำ 2  พยางค์บางคำแต่เดิมมาจากคำพยางค์เดียว 2 คำเรียงกัน เมื่อพูดเร็วๆ เสียงแรกจึงกร่อนลง
                                                มะปราง                 มาจาก                    หมากปราง
                                                ตะขาบ                   มาจาก                    ตัวขาบ
                                                สะใภ้                     มาจาก                    สาวใภ้
                                1.2  การแทรกเสียง สันนิษฐานว่า   เดิมมีคำพยางค์เดียวเรียงกัน 2 คำ ต่อมาแทรกเสียงอะ” ตรงกลาง   กลมกลืนกับเสียงตัวสะกดของคำหน้า คำที่แทรกมาใหม่กลายเป็นพยางค์หน้าของคำหลัง เช่น
                                                ลูกกระเดือก          มาจาก                    ลูกเดือก
                                                นกกระจอก           มาจาก                    นกจอก
                                1.3  การเติมพยางค์หน้าคำมูล   คำเหล่านี้มักมีความหมายใกล้เคียงกัน ทั้งคำที่เติมและคำที่ยังไม่ได้เติม เช่น
                                                ดุกดิก                     เป็น                        กระดุกกระดิก
                                                ท้วง                        เป็น                        ประท้วง
คำไทยแท้ไม่มีตัวการันต์ทั้งคำในมาตราตัวสะกดและแม่ ก กา
คำไทยแท้ไม่ค่อยใช้พยัญชนะต่อไปนี้                     ยกเว้นบางคำ   เช่น   ฆ่า เฆี่ยน   ระฆัง ศอก   ศึก  เธอ    ฯพณฯ ใหญ่   หญ้า   ฯลฯ
คำไทยแท้มีการใช้วรรณยุกต์ทั้งที่มีรูปและไม่มีรูป
คำไทยแท้ที่ออกเสียงไอ จะประสมด้วยสระ “ใอ”   มีทั้งหมด ๒๐ คำ นอกนั้นประสมด้วยสระ “ไอ”   แต่จะไม่ใช้ “อัย”   หรือ “ไอย
ตัวอย่างคำไทยแท้                                                                                                      
                พ่อ แม่   ปู่ ย่า   ตา   ยาย พี่   ป้า   น้า อา น้อง หลาน ลุง เหลน   หัว หู ตา คิ้ว ปาก   ฟัน แขน   ขา นิ้ว บ้าน   ครัว หมอน มุ้ง เสื่อ   ฟ้า   หม้อ   ไห   ถ้วย   ชาม   ไถ คราด   จอบ เสียม   เบ็ด แห   อวน เรือ   แพ   ดิน น้ำ   ลม ไฟ ฟ้า   ดาว ป่า เขา   นั่ง นอน   เดิน   เห็น ถาม พูด   อยู่ ตาย   ฉัน ท่าน เธอ แก   เขา มัน   หนึ่ง สอง   สาม สี่    ห้า    ดี   เลว เล็ก   ใหญ่ หวาน เปรี้ยว   หอม หนัก ฯลฯ

ลักษณะคำไทยที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤต มีข้อสังเกตดังนี้
มักเป็นคำหลายพยางค์
ตัวสะกดมักไม่ตรงตามมาตราตัวสะกดอย่างคำไทยแท้
มักมีตัวการันต์
คำที่มีอักษรควบเป็นตัวสะกด เช่น จิตร อัคร   ฯลฯ
มีบางคำใช้ตัวสะกดตรงตามมาตราอย่างคำไทยแท้ เช่น มน(ใจ)
คำที่ประสมด้วยอักษร                

คำที่มีรูปวรรรณยุกต์ และมีไม้ไต่คู้กำกับ   มักเป็นคำที่มาจากภาษาอื่น ไม่ใช่ภาษาบาลีสันสกฤต   ยกเว้น   มีการเติมลงในภายหลัง เช่น เล่ห์   พ่าห์   เสน่ห์ ฯลฯ 
ตัวอย่างคำที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤต นิยมใช้    ฤา  ฦา 
                บิดา มารดา ศีรษะ เคหะ ปักษิน ปักษิณี   ราชา ราชินี ยักษ์ เกษม เกษตร ตฤณ ทฤษฎี เทวษ ประพฤติ อัศวะสัตย์   พิสมัย ทุกข์ เลข   ยุค เมฆ รัฐ   ครุฑ   วุฒิ   บาท พุทธ เกศ   รส   บุญ การุณย์ ยนต์   เคารพ ลาภ จันทร์   จันทน์ วงศ์  ฯลฯ
ลักษณะคำไทยที่มาจากภาษาเขมร   มีหลักการสังเกตดังนี้
                1. ไม่ใช้รูปวรรณยุกต์ ยกเว้นบางคำ เช่น เสน่ง   เขม่า ฯลฯ
                2. นิยมใช้ตัวควบกล้ำ         และอักษรนำ
                3. คำสองพยางค์ที่ขึ้นต้นด้วย กำ คำ จำ   ชำ ดำ ตำ   ทำ มักมาจากภาษาเขมร
                4. คำที่ขึ้นต้นด้วย บัง บัน บำ บรร   มักมาจากภาษาเขมร
                5. คำเขมรใช้พยัญชนะตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด   แม่กด ใช้         สะกด
แม่ กน ใช้        สะกด
ตัวอย่างคำที่มาจากภาษาเขมร
                บำบัด    กำแพง   กระบือ กำจัด   ตำรวจ     รัญจวน ควาญ    เขมา   บำเพ็ญ   บำนาญ บังอาจ   บังเกิด บังคม เสวย    ถกล ขจร   เจริญ   ฉบับ สะพาน ขจัด เสด็จ เสวย เถลิง ไผท จรัส   โฉนด ฉลอง  ถวาย เผด็จ เพนียด   เสบียง   ขลัง ตรัส ชำนาญ   บังอร ตำบล ไถง     พนม

เพยีย   ผจง ผกา     ฯลฯ

You can replace this text by going to "Layout" and then "Page Elements" section. Edit " About "

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน